ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน
ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน เป็นทรัพยากรธรรมชาติประเภทก๊าซธรรมชาติที่พบในแหล่งที่เป็นหินดินดาน โดยทำการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Hydraulic Fracturing หรือการขุดเจาะโดยใช้น้ำแรงดันสูง ผสมสารเคมีและทรายเพื่อให้หินแตกร้าว โดยก๊าซประเภทนี้พบมากใน สหรัฐและแคนาดา ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน น่าจะมีอยู่ใน 32 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นปริมาณมากถึง 6.6 พันล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือคิดเป็นปริมาณการบริโภคทั้งโลกกว่า 50 ปี และเป็นของสหรัฐ 862 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือ 13% ของทั้งหมด
Shale Bubble
Investment Ideas for the Shale Gas Revolution
Shale Gas Production
United States Department of Energy(DOE)
What is shale gas?
ข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน
ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน ในสหรัฐอเมริกาShale gas in the United States
ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน เป็นทรัพยากรธรรมชาติประเภทก๊าซธรรมชาติที่พบในแหล่งที่เป็นหินดินดาน โดยทำการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Hydraulic Fracturing หรือการขุดเจาะโดยใช้น้ำแรงดันสูง ผสมสารเคมีและทรายเพื่อให้หินแตกร้าว โดยก๊าซประเภทนี้พบมากใน สหรัฐและแคนาดา ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน น่าจะมีอยู่ใน 32 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นปริมาณมากถึง 6.6 พันล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือคิดเป็นปริมาณการบริโภคทั้งโลกกว่า 50 ปี และเป็นของสหรัฐ 862 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือ 13% ของทั้งหมด
Shale Bubble
Investment Ideas for the Shale Gas Revolution
Shale Gas Production
United States Department of Energy(DOE)
What is shale gas?
ข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน
ก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน ในสหรัฐอเมริกาShale gas in the United States
US shale gas production has grown rapidly in recent years after a long-term effort by as the natural gas industry in partnership with the Department of Energy to improve drilling and extraction methods while increasing exploration efforts. US shale production was 2.02 trillion cubic feet (57 billion cubic metres) in 2008, a jump of 71% over the previous year. In 2009, US shale gas production grew 54% to 3.11 trillion cubic feet (88 billion cubic metres), while remaining proven US shale reserves at year-end 2009 increased 76% to 60.6 trillion cubic feet (1.72 trillion cubic metres). In its Annual Energy Outlook for 2011, the US Energy Information Administration (EIA) more than doubled its estimate of technically recoverable shale gas reserves in the US, to 827 trillion cubic feet (23.4 trillion cubic metres) from 353 trillion cubic feet (10.0 trillion cubic metres), by including data from drilling results in new shale fields, such as the Marcellus, Haynesville, and Eagle Ford shales. In 2012 the EIA lowered its estimates again to 482 tcf. Shale production is projected to increase from 23% of total US gas production in 2010 to 49% by 2035. บรรดาบริษัทโรงกลั่นน้ำมันในเอเชียกลายเป็นผู้เล่นรายสำคัญในตลาดโลกสำหรับเชื้อเพลิงเหลว ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนในโรงกลั่นขนาดใหญ่และทันสมัย แต่ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐ โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในสหรัฐสามารถเข้าถึงน้ำมันจากหินดินดาน หรือหินเชล ภายในประเทศที่มีราคาค่อนข้างถูก และน้ำมันดิบจากแคนาดาได้มากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดส่งออกเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันเบนซินและดีเซล บรรดาคู่แข่งในเอเชียเริ่มรับรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น หลังเรือบรรทุกน้ำมันที่ออกจากท่าเรือในสหรัฐ พากันไปขนถ่ายสินค้าในยุโรป และอเมริกาใต้ ทั้งในปัจจุบัน บริษัทหลายแห่งของสหรัฐ ก็เริ่มหันมาลงทุนในเอเชียด้วย เทรดเดอร์ในสิงคโปร์ ระบุว่า ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บีพี และวิทอล กรุ๊ป 2 ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐ บรรลุข้อตกงที่จะขายน้ำมันสำหรับเครื่องบินไอพ่นให้กับลูกค้าในจีน การเคลื่อนไหวซึ่งถือเป็นการสวนกระแสกาไหลเวียนของตลาดตามปกติ และตอกย้ำถึงผลกระทบที่แหล่งน้ำมันทางเลือก กำลังมีต่อการค้าน้ำมันโลก ก่อนหน้านี้ ในเดือนก.พ.ปีที่แล้ว โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เทปโก) ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น เคยระบุว่า บริษัทจะนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือแอลพีจีปริมาณ 2 หมื่นตันจากบริษัทเอนเตอร์ไพรซ์ โปรดักส์ พาร์ทเนอร์ ของสหรัฐในช่วงระหว่างปี 2556-2559 ข้อตกลงดังกล่าวถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับเทปโก ซึ่งจำเป็นต้องซื้อไฮโดรคาร์บอนเพิ่มเป็นปริมาณมาก หลังจากที่ระงับการดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของตนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อเดือนมี.ค. 2554 ข้อมูลจากธนาคารดีเอ็นบีระบุว่า ก๊าซหุงต้มในสหรัฐมีราคาอยู่ที่ประมาณ 620 ดอลลาร์ต่อตัน เทียบกับในจีนที่มีราคากว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ก๊าซบิวเทนก็มีส่วนต่างราคามากกว่า ซึ่งนายลูเชียน พักเลียเรซิ ประธานบริหารมูลนิธิวิจัยนโยบายพลังงาน องค์กรไม่หวังผลกำไรในวอชิงตัน สหรัฐ ชี้ว่า ความแตกต่างด้านราคานี้ ทำให้แอลพีจีที่ส่งออกจากสหรัฐ มีความน่าสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ ก๊าซแอลพีจีผลิตจากไฮโดรคาร์บอนที่เรียกว่าก๊าซเหลวธรรมชาติซึ่งได้มาจากการสกัดหินเชลด้วยไฮดรอลิค อันเป็นการปฏิวัติเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ทำให้สหรัฐทะยานขึ้นเป็นอันดับ 1 ในด้านการผลิตพลังงานทั่วโลก กระทั่งปัจจุบัน ผลผลิตน้ำมันของสหรัฐส่วนใหญ่ส่งไปยังตลาดหลายแห่งที่อยู่ใกล้กับศูนย์กลางการกลั่นน้ำมันและรอบอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงกลั่นน้ำมันสหรัฐมากกว่า 40% ผู้ค้ายังคาดการณ์ว่า การส่งออกน้ำมันดีเซลไปยุโรปเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็นประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา และเมื่อจากดูภาพรวม การนำเข้าของยุโรปยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างมีเสถียรภาพ โดยอยู่ที่ระหว่าง 3-4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผลกำไรจากการส่งออกน้ำมันไปยุโรปจากเอเชีย รัสเซีย และตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ สหรัฐอาจจะสามารถชิงส่วนแบ่งการส่งออกน้ำมันของเอเชียได้มากขึ้นอย่างมหาศาล ถ้าหากการขยายคลองปานามาแล้วเสร็จในปี 2559 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะลดต้นทุนการส่งออกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาให้กับภาคส่งออกของสหรัฐอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น