น้ำมัน Shale oil
ข้อมูลเกี่ยวกับ หินน้ำมัน
Oil shale gas
ท่านผู้อ่านทราบไหมว่า รถแท็กซี่กว่า 90% ในนครนิวยอร์ก เมื่อ พ.ศ.2443 (ค.ศ.1900 ตรงกับช่วงปลายสมัย ร.5) เป็น รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และในประเทศแคนาดาในช่วงเดียวกันก็ใช้รถโดยสารประจำทางที่เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้ พลังงานจากแบตเตอรี่ แต่หลังจากนั้นประมาณ 6-7 ปี บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลายก็หันมาผลิตรถยนต์แบบที่ใช้เครื่องยนต์แบบเผาไหม้ภายใน คือเครื่องยนต์แบบเผาไหม้ภายในที่ใช้น้ำมันแทนแบตเตอรี่ ตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมา เนื่องจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมีประสิทธิภาพสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จากแบตเตอรี่มาก และน้ำมันจึงได้กลายเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา น้ำมันดิบ (crude oil) นั้น มักซึมขึ้นมาบนพื้นดินหรือมีน้ำมันดิบขังอยู่ในแอ่งและลอยอยู่บนผิวน้ำตาม แถบที่มีแหล่งน้ำมันอยู่ เช่น ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และบริเวณทะเลสาบแคสเปียน เมื่อ 4,000 กว่าปีมาแล้ว ชาวบาบิโลนในตะวันออกกลางนั้นใช้ส่วนของน้ำมันดิบที่เป็นยางมะตอย (asphalt) มาใช้ยึดประสานอิฐและหินในการสร้างกำแพงเมือง ใน ทวีปอเมริกาช่วงก่อนสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกามีหมอเถื่อนผิวขาวปลอม ตัวเป็นพ่อมดอินเดียนแดงตักเอาน้ำมันที่ลอยอยู่ตามลำธารในมลรัฐเพนซิลเวเนีย ใส่ขวดนำไปหลอกขายเป็นยารักษาโรคต่างๆ ตั้งแต่อหิวาตกโรค ไตอักเสบ ตลอดจนวัณโรค ซึ่งนายบาร์นัม ดอร์จ เป็นหุ้นส่วนกับนายแซมวล เคอร์ ก็สามารถสร้างความมั่งคั่งจากการหลอกลวงชาวบ้านได้ไม่น้อยทีเดียว การแปรรูปน้ำมันดิบในมลรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2393 เมื่อ นายจอร์จ เอช. บิสเซลล์ แห่งนิวยอร์ก ได้นำตัวอย่างน้ำมันดิบไปให้ศาสตราจารย์เบนจามิน ซิลลิแมน แห่งมหาวิทยาลัยเยล ทำการแยกธาตุว่าจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง? ซิลลิแมนพบว่าถ้าน้ำมันนี้ไปกลั่นจะได้น้ำมันที่ใช้จุดตะเกียงได้ดีกว่าน้ำมันที่กลั่นจากถ่านหิน แต่ การขุดเอาน้ำมันขึ้นมาใช้นั้นยังไม่มีการทำขึ้นมาก่อน นายบิสเซลล์คิดที่จะใช้ปั้นจั่นขนาดใหญ่ที่ใช้ขุดเจาะบ่อเกลือ แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำจนกระทั่งเพื่อนร่วมงานของเขาคือนายเจมส์ ทาวน์เซนต์ นายธนาคารแห่งนิวเฮฟเว่น ได้ส่งนายเอดวิน เดรก ไปทดลองเจาะน้ำมันที่เมืองเล็กๆ ชื่อเมืองไททัตวิลล์ เวแนนโกเคาน์ตี้ ในเพนซิลเวเนีย โดยใช้ปั้นจั่นขุดเจาะเหมืองเกลือเจาะหาน้ำมันได้เป็นผลสำเร็จในปี พ.ศ.2402 (ค.ศ.1859) และหลักการและวิธีการที่นายเอดวิน เดรก ใช้ในการขุดเจาะน้ำมันก็ยังเป็นวิธีการของการขุดเจาะน้ำมันในปัจจุบัน ใน ขณะที่สงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกากำลังดำเนินอยู่นั้น ดินแดนในแถบเพนซิลเวเนียก็สามารถผลิตน้ำมันได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง ค.ศ.1869 สามารถผลิตได้ถึง 4,800,000 บาร์เรลต่อปี เมื่อขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นมาได้อย่างมากมายแล้วก็นำมากลั่นเป็นน้ำมันก๊าด ใช้ ในการจุดตะเกียงเจ้าพายุและใช้เป็นเชื้อเพลิงในเครื่องทำความอุ่นในบ้าน เรือน และในทวีปเอเชียบ้านเราก็มีความนิยมต่อปี๊บใส่น้ำมันก๊าดกันมาก โดยมีคนจำนวนไม่น้อยซื้อน้ำมันก๊าดเนื่องจากอยากได้ปี๊บไปใช้งานอย่างอื่น มากกว่าอยากได้น้ำมันก๊าดด้วยซ้ำไป ต่อมาก็ มีการกลั่นน้ำมันทำให้ได้ผลิตภัณฑ์นานาชนิด เช่น สารละลายเคมีภัณฑ์ที่เอาไปใช้ผลิตสีน้ำมันและน้ำยาซักแห้ง กลั่นเอากำมะถันที่เป็นส่วนผสมในการผลิตยางรถยนต์, ยา, ยาฆ่าแมลง, แชมพูและสารเคมีพื้นฐานที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตปุ๋ยฟอสเฟต, สารส้ม, ฟิล์ม, วัตถุระเบิด, เยื่อกระดาษและเส้นใย, การผลิตสี และเม็ดสี ใช้ในแบตเตอรี่ เป็นต้น นอกจากนั้นก็ได้ยางมะตอยที่ใช้ราดผิวถนน น้ำมันเตา น้ำดีเซล น้ำมันก๊าด น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเบนซิน และก๊าซธรรมชาติ ดัง นั้น อุตสาหกรรมน้ำมันของโลกจึงได้ถือกำเนิดขึ้นจากการได้ปั้นจั่นที่ใช้ขุดเจาะ หาเกลือมาขุดเจาะหาน้ำมันของนายเอดวิน เดรก เมื่อ พ.ศ.2402 ดังนั้น ในปีนี้ (2552) จึงเป็นปีที่ครบรอบ 150 ปีของอุตสาหกรรมน้ำมันโลกที่เริ่มที่เมืองไททัตวิลล์ และปัจจุบันนี้ได้เริ่มมีการลงทุนเจาะหาหินน้ำมัน (gas shale) ที่ จะนำมาผลิตเป็นก๊าซธรรมชาติตามหลุมน้ำมันเก่าที่เลิกขุดเจาะไปนานแล้ว ซึ่งมีการยืนยันแล้วว่ามีหินน้ำมันเป็นจำนวนมากในหลุมน้ำมันเก่าแก่ที่เลิก ทำการแล้วปริมาณมหาศาล ซึ่งก็เป็นความหวังของชาวเมืองไททัตวิลล์ที่จะได้เหมือนหินน้ำมันมาเป็นเหมืองน้ำมันของเอดวิน เดรก ในศตวรรษที่ 21 นี้ อุตสาหกรรม น้ำมันได้ช่วยสร้างความเจริญก้าวหน้าความสะดวกสบายให้กับมนุษยชาติอย่างใหญ่ หลวง แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างปัญหามลภาวะให้กับโลกอย่างมหาศาลเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น